1. การทักทาย (Greeting) ถ้าเป็นคนที่คุ้นเคยและสนิทสนมกัน มักจะใช้คาว่า Hello หรือ Hi ซึ่งแปลว่าสวัสดี แต่การทักทายอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ไม่คุ้นเคยกัน หรืออยู่ในสถานภาพที่แตกต่างกัน เช่น เจ้านายกับลูกน้อง ครูกับลูกศิษย์ จะใช้คำว่า Good morning. (สวัสดีตอนเช้า) Good afternoon. (สวัสดีตอน กลางวัน) และ Good evening. (สวัสดีตอนเย็น) ต่อด้วยคำทักทายว่า How are you? (คุณสบายดีหรือ) ซึ่งคู่สนทนาก็จะตอบและถามกลับในทำนองเดียวกัน
Situation 1
Malee : Fine, thanks. And you?
Suda : Very well, thank you.
ในสถานการณ์นี้ สุดากับมาลีเป็นเพื่อนกัน เมื่อพบกันก็ทักทายและถามทุกข์สุขซึ่งกัน
และกันก่อน
Situation 2
Wichai : Hi, Mana.
Mana : Hi, Wichai. How are you?
Wichai : I'm fine, thanks. And you?
Mana : Fine, thanks.
ในสถานการณ์นี้ วิชัยกับมานะเป็นเพื่อนกัน เมื่อพบกันก็สอบถามทุกข์สุขซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกัน
Situation 3
Suda : Good morning, Miss Kaewta.
Kaewta : Good morning. How about your homework?
Suda : I've done all. I'll hand you now.
สาหรับช่วงเวลาของการกล่าวคำทักทายในภาษาอังกฤษ แบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงดังนี้
Good morning.
ใช้คำทักทายในตอนเช้า ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึงตอนเที่ยงวัน 12.00 น.
Good afternoon.
ใช้คำทักทายในตอนหลังเที่ยงวัน ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึงก่อนพระอาทิตย์ตก
Good evening.
ใช้คำทักทาย หลังเวลา 17.00 น. หรือหลังดวงอาทิตย์ตกเป็นต้นไป
สำนวนที่ใช้สอบถามทุกข์สุขว่าเป็นอย่างไรบ้างเมื่อพบกัน ในภาษาอังกฤษนิยมใช้ หลายสานวน ด้วยกัน เช่น
How are you?
How are you today?
How are you doing?
How have you been?
สบายดีไหม / เป็นอย่างไรบ้าง
สำนวนที่ใช้ตอบรับถึงการสอบถามทุกข์สุขว่าเป็นอย่างไรเมื่อพบกัน เช่น
Fine, thank you. And how are you? สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Very well, thanks. How about you?
Great, thanks. How about you?
So so. ก็เรื่อย ๆ นะ
I'm quite well, thank you. And you? สบายดีนะ ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Not quite well, I have a cold. And you? ไม่สบายนัก เป็นหวัด แล้วคุณล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น