สังคมโลกทุกวันนี้มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อด้วย ตนเองหรือติดต่อทางโทรศัพท์ ทางอินเทอร์เน็ต ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่สำคัญ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในโลกใช้ในการติดต่อสื่อสารรองลงมาจากภาษาจีน อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่จาเป็นในยุคปัจจุบัน แต่ก็มิได้หมายความว่าทุกคนจะรู้และเข้าใจภาษาอังกฤษได้ทั้งหมด การสนทนาโดยใช้ภาษาท่าทางประกอบจึงเป็นเรื่องจาเป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้คู่สนทนา เข้าใจและสื่อความหมายในชีวิตประจำวันได้
ตามปกติในชีวิตประจำวัน เมื่อเราพบผู้คนในที่ต่าง ๆ เราจะต้องมีการทักทายและกล่าวลากันให้เหมาะสมตามโอกาส ในภาษาอังกฤษมีวิธีการทักทาย (Greeting) และกล่าวลา (Leave taking) กันอย่างไรบ้าง
1. การทักทาย (Greeting) ถ้าเป็นคนที่คุ้นเคยและสนิทสนมกัน มักจะใช้คำว่า Hello หรือ Hi ซึ่งแปลว่าสวัสดี แต่การทักทายอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ไม่คุ้นเคยกัน หรืออยู่ในสถานภาพที่แตกต่างกัน เช่น เจ้านายกับลูกน้อง ครูกับลูกศิษย์ จะใช้คำว่า Good morning. (สวัสดีตอนเช้า) Good afternoon. (สวัสดีตอน กลางวัน) และ Good evening. (สวัสดีตอนเย็น) ต่อด้วยคำทักทายว่า How are you? (คุณสบายดีหรือ) ซึ่งคู่สนทนาก็จะตอบและถามกลับในทำนองเดียวกัน เช่น
Suda : Hi, Malee. How are you?
Malee : Fine, thanks. And you?
Suda : Very well, thank you.
ในสถานการณ์นี้ สุดากับมาลีเป็นเพื่อนกัน เมื่อพบกันก็ทักทายและถามทุกข์สุขซึ่งกันและกันก่อน เช่น
Wichai : Hi, Mana.
Mana : Hi, Wichai. How are you?
Wichai : I'm fine, thanks. And you?
Mana : Fine, thanks.
ในสถานการณ์นี้ วิชัยกับมานะเป็นเพื่อนกัน เมื่อพบกันก็สอบถามทุกข์สุขซึ่งกันและกัน
Suda : Good morning, Miss Kaewta.
Kaewta : Good morning. How about your homework?
Suda : I've done all. I'll hand you now.
ในสถานการณ์นี้ สุดาพบครูแก้วตาก็ทักทายว่าสวัสดี (ตอนเช้า) ครูแก้วตาก็กล่าวว่าสวัสดี (ตอนเช้า) เพื่อทักทายตอบและถามเรื่องการบ้าน ซึ่งสุดาก็ตอบว่าทำเสร็จแล้ว และจะส่งครูเดี๋ยวนี้
สำหรับช่วงเวลาของการกล่าวคำทักทายในภาษาอังกฤษ แบ่งออกได้เป็น3 ช่วงดังนี้
Good morning.
ใช้คำทักทายในตอนเช้า ตั้งแต่เวลา06.00 น. ถึงตอนเที่ยงวัน 12.00 น.
Good afternoon.
ใช้คำทักทายในตอนหลังเที่ยงวัน ตั้งแต่เวลา13.00 น. ถึงก่อนพระอาทิตย์ตก
Good evening.
ใช้คำทักทาย หลังเวลา17.00 น. หรือหลังดวงอาทิตย์ตกเป็นต้นไป
สำนวนที่ใช้สอบถามทุกข์สุขว่าเป็นอย่างไรบ้างเมื่อพบกัน ในภาษาอังกฤษนิยมใช้หลายสำนวน ด้วยกัน เช่น
How are you?
How are you today? สบายดีไหม/ เป็นอย่างไรบ้าง
How are you doing?
How have you been? สบายดีไหม/เป็นอย่างไรบ้าง
(ใช้ในกรณีที่ไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลานาน)
นอกจากนี้ ยังมีสำนวนที่ใช้กันอีก ดังนี้
How is it up? (How's it up?)
What is up? (What's up?) หมู่นี้เป็นอย่างไร
สำนวน How are you? ใช้ทักทายอย่างเป็นทางการ ส่วนสำนวนอื่น ๆ ใช้ทักทายอย่างไม่เป็นทางการสำนวนที่ใช้ตอบรับถึงการสอบถามทุกข์สุขว่าเป็นอย่างไรเมื่อพบกัน เช่น
Fine, thank you. And how are you? สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Very well, thanks. How about you?
Great, thanks. How about you? สบายดีมาก ขอบคุณ แล้วคุณ
So so. ก็เรื่อย ๆ นะ
I'm quite well, thank you. And you? สบายดีนะ ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Not quite well, I have a cold. And you? ไม่สบายนัก เป็นหวัด แล้วคุณล่ะสบายดีมาก ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
2. การกล่าวลา (Leave Taking) โดยปกติ ก่อนจะจบสิ้นการสนทนาตามมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ไม่สามารถละเลยได้ คือ การกล่าวลา (Leave Taking) โดยทั่วไป สำนวนที่ใช้ในการกล่าวลา ได้แก่ Goodbye, Bye แปลว่า ลาก่อนนอกจากนี้ยังมีสำนวนที่ใช้ในการกล่าวลาอื่น ๆ อีก ซึ่งจะใช้ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น
See you. แล้วเจอกันใหม่
See you later. แล้วพบกันใหม่
So long. ลาที (คนสนิท)
I'll be seeing you. แล้วค่อยพบกันใหม่
Good day. กล่าวลาตอนกลางวัน
Good night. กล่าวลาตอนกลางคืน
Suda : Hello, Mana.
Mana : Hello, Suda. How are you?
Suda : Fine, thanks. And you?
Mana : Very well, thanks. Where's Malee?
Suda : She goes to the hospital.
Mana : What's happened?
Suda : She accompanies her mother to see the doctor.
Mana : Please tell her, I miss her. I've to go to now. Goodbye.
Suda : See you later.
สำนวน See you later.ใช้ในกรณีที่ไม่ได้ระบุเวลา ในกรณีที่ผู้สนทนาต้องการกล่าวลา โดยการระบุเวลาที่จะพบกันอีกครั้งหนึ่งแน่นอน ให้ใช้สำนวน ดังนี้
See you tomorrow. แล้วพบกันวันพรุ่งนี้
See you next year. ไว้พบกันปีหน้า
See you on Sunday. แล้วพบกันวันอาทิตย์
การบอกลาในกรณีที่มีธุระสำคัญที่จะต้องขอลากลับก่อน ใช้สำนวนดังนี้
I'd better be on my way. จำเป็นจะต้องไปแล้ว
I'll be back. เดี๋ยวฉันจะกลับมา